ปัญหากับครูพี่เลี้ยง

                 
              สวัสดีค่ะ  ดิฉันเรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ ชั้นปีที่ 4 อีกไม่นานดิฉันก็จะเข้าสู่ชั้นปีที่ 5 ที่มาพร้อมกับบทบาทในการเป็นนิสิตฝึกสอน เมื่อพูดถึงนิสิตฝึกสอน นิสิตที่เรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์หรือคณะคุรุศาสตร์รู้กันดีว่าในปีสุดท้าย คือปีที่ 5 พวกเราจะต้องออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในโรงเรียนที่เราเลือกไว้  นั่นหมายความว่า เราจะต้องทำหน้าที่สอนนักเรียนอย่างแท้จริง เจอสถานการณ์จริงๆ ตอนนี้ดิฉันก็เริ่มกังวลไปต่างๆนานา ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้น ต้องยอมรับเลยว่าการเจอกับสิ่งใหม่ๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆแต่นั่นหล่ะค่ะมันก็ไม่ยากเกินความตั้งใจของเรา ในหัวมีอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาได้ ทำอย่างไรที่จะเป็นนิสิตครูที่ดีและสอนให้นักเรียนเข้าใจได้ เมื่อนั่งคิดไปนานๆก็เลยคิดได้ว่า เราจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมทั้งด้านความรู้  การปรับตัว ปัญหาที่จะเจอกับนักเรียน  ซึ่งแน่นอนว่าปัญหานักเรียนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในเรื่องของการมาสาย การหนีเรียน การไม่ตั้งใจเรียน เด็กก้าวร้าว เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่พบปัญหาที่เจอกับครู แม้เป็นครูเหมือนกัน แต่ความเข้ากันได้ นั้นจะต้องใช้เวลาและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน วันนี้ดิฉันมีเรื่องเล่าที่ได้จากการสัมภาษณ์ของรุ่นพี่คนหนึ่ง ดิฉันให้นามสมมติว่า พี่ ก พร้อมจะฟังกันหรือยังคะ........




        
                 5...4...3...2...1.... พี่ ก เล่าว่า พี่ฝึกสอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง รับหน้าที่ สอนม.5 ครูพี่เลี้ยงของพี่ ก ไม่เคยรับน้องเลี้ยงมาก่อน เพิ่งจะรับพี่ ก เป็นน้องเลี้ยงคนแรก ลักษณะนิสัยของครูพี่เลี้ยงนั้น เป็นคนที่ทุกอย่างต้องพร้อม ต้องสมบูรณ์ เข้มงวด คว่ำขัน เอ้ยกวดขันในทุกขั้นตอน (ไม่อยากให้ผู้อ่านเครียด ยิ้มๆ) อย่างในเรื่องการเขียนแผนการสอน พี่ ก จะต้องเขียนแผนอย่างละเอียดให้คนอื่นสามารถสอนเหมือนกับพี่ ก สอนได้ หรือในเรื่องการออกข้อสอบ พี่ ก จะต้องออกข้อสอบเเกินตั้งไว้ นอกจากนั้นครูพี่เลี้ยงยังมอบหมายงานที่ไม่ใช่งานด้านการสอนซึ่งเป็นงานของครูพี่เลี้ยงให้ทำอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น การออกแบบหน้าปกเอกสารประกอบการสอนทุกบท การส่งเด็กไปแข่งขันโครงงาน การทำโปสเตอร์ หรือแม้กระทั่งการเช็คคำผิด และอื่นๆอีกมาก มาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านอย่าท้อนะคะ จะเห็นได้ว่าครูพี่เลี้ยงใช้งานเยอะมาก และที่สำคัญนั้น พี่ ก เข้ากับครูพี่เลี้ยงได้ยาก โดน ดุ ด่า ทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ไม่ค่อยได้ พี่ ก ร้องให้ทุกวัน กระดาษทิชชู่หมดไปหลายม้วน คิดอยู่ตลอดว่ามาทำอะไรที่นี่ มันใช่ทางของพี่ ก ไหม แต่พอมาถึงจุดหนึ่งพี่ ก ก็บอกกับตนเองว่าต้องผ่านไปให้ได้ พี่ ก เริ่มที่จะเปิดใจเรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับครูพี่เลี้ยงและ พี่ ก แก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนมุมมองแนวคิด คิดว่าสิ่งที่ครูพี่เลี้ยงทำหรือมอบหมายให้นั้น เป็นการยื่นโอกาสให้ได้เรียนรู้  พี่ ก บอกตนเองว่า เราเป็นนิสิตฝึกสอนก็ควรจะทำตามครูพี่เลี้ยงและเชื่อว่าครูพี่เลี้ยงมอบสิ่งดีดีให้ แล้วสร้างความสุขไปกับสิ่งที่ทำ
                 สุดท้ายพี่ ก ทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าครูพี่เลี้ยงจะเป็นคนอย่างไร เราควรเคารพครูพี่เลี้ยง และให้ยิ้มทุกครั้งเมื่อได้รับงาน ควรพูดให้ติดปากว่า "ได้ค่ะ " และทำมันอย่างมีความสุข
                 จบกันไปแล้วสำหรับเคสในการปรับตัวให้เข้ากับครูพี่เลี้ยง เห็นไหมหล่ะคะ ว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ เพียงเราใช้สติ และคิดถึงหลักความเป็นจริง ถ้าดิฉันเป็น พี่ ก  ดิฉันก็จะทำในลักษณะคล้ายกับพี่ ก คือ พยายามเรียนรู้ที่จะเข้าใจครูพี่เลี้ยง การได้ทำงานเยอะถือเป็นกำไรกับตัวเราเอง และปรับเปลี่ยนมุมแนวคิด เพราะ เพียงเราเปลี่ยนแนวคิดก็จะเปลี่ยนตนเองได้
                  ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปัญหาดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและนิสิตที่จะออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูข้างหน้า และ นำไปประยุกต์ใช้ในอนาคต 
                  
                                       
                

ความคิดเห็น

  1. จริงๆแล้วจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้แชร์นี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ดิฉันได้ทราบว่า เมื่อต้องไปอยู่โรงเรียนจริงๆเราต้องทำอะไรบ้าง จากที่รุ่นพี่ได้เล่าดิฉันกลับคิดว่างานที่ครูพี่เลี้ยงได้มอบหมายให้ทำนั้นก็ยังเป็นหน้าที่ที่ครูต้องทำนะคะ เพราะหน้าที่ของครูไม่ได้อยู่แค่ในชั้นเรียน กลับกันครูนั่นแหละค่ะที่จะเป็นผู้สนับสนุนความสามารถของนักเรียนเราในทุกๆด้าน การส่งเด็กไปแข่งโครงงานนั้นถือว่าได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ ดิฉันคิดว่ามันดีมากๆเลยนะคะที่รุ่นพี่คนนั้นได้รับหน้าที่นี้ตอนที่ยังฝึกสอนอยู่ เพราะหากเราไม่มั่นใจตรงไหนอย่างน้อยก็ยังมีครูพี่เลี้ยงที่เราสามารถไปปรึกษาได้ แล้วจะได้นำประสบการณ์จากตรงนี้ไปใช้เมื่อเป็นครูประจำการในภายภาคหน้า

    ส่วนเรื่องการออกแบบปกเรียน หรือตรวจเช็คคำผิด นั่นก็เป็นสิ่งที่ครูควรทำอยู่แล้วค่ะ เพราะหากมีสื่อที่สวยก็จะเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนนั้นอยากเรียนมากยิ่งขึ้น และหากสื่อนั้นมีความถูกต้องก็จะเป็นการสร้างความเชื่อถือแก่ตัวครูเองด้วยค่ะ

    สุดท้ายแล้วดิฉันกลับอยากมีครูพี่เลี้ยงที่มีลักษณะเเบบนี้ เพราะจะทำให้ดิฉันได้เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้เป็นคนที่ทำอย่างอย่างมีความเป็นระเบียบรอบคอบอีกด้วย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นางสาวสโรชา ทองนุ่น รหัสนิสิต581031287

      ลบ
  2. ขอบคุณเรื่องเล่าประสบการณ์ปัญหากับครูพี่เลี้ยงนะคะ ทำให้ดิฉันตระหนักได้ว่า เป็นปัญหาหนึ่งที่เราอาจจะพบเจอได้ในหลายโรงเรียน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากปัญหานี้ คือ การปรับตัว ซึ่งมันก็เป็นคำที่พูดปกติกันว่าเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมและผู้คนใหม่ๆที่เราได้เจอ แต่ในทางปฏิบัติสำหรับหลายคนอาจทำได้ยาก ในกรณีของพี่ ก ถึงขั้นร้องไห้ ทำให้ดิฉันหันกลับมามองตัวเองว่า หากเราเจอปัญหาแบบนี้ เราจะรับมืออย่างไร สิ่งแรกที่ทำได้ คือ การควบคุมอารมณ์ ไม่แสดงความไม่พอใจ ฝึกมองทุกอย่างไปในทางบวกให้ได้มากที่สุด ส่วนงานที่เราได้รับมอบหมายดิฉันคิดว่า ยิ่งเราเจอครูที่มีประสบการณ์ และเข้มงวดมากเท่าไหร่ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง เพราะชีวิตการเรียนแทบไม่มีใครบังคับอะไรเราได้ หลายครั้งที่เราทำงานตามที่อยากทำ แต่สำหรับการฝึกสอนนั้นไม่ใช่ เราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการเป็นครูไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง

    ตอบลบ
  3. นางสาววรรณกานต์ อินทฤทธิ์ รหัสนิสิต 581031284
    ขอบคุณประสบการณ์การฝึกสอนจากรุ่นพี่คนนี้มากน่ะคะ จากเรื่องราวเหล่านี้ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องราวที่ดีมาก เนื่องจาก หากเราเป็นรุ่นพี่คนนี้ เราก็จะต้องรู้รักการปรับตัว ซึ่งหากมองในมุมของดิฉัน ดิฉันคิดว่า เป็นเรื่องดีสำหรับตัวเราที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะฝึกให้เรามีสติ มีความอดทน และสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเราต้องรู้จักมองโลกในเเง่ดี คิดซะว่าสิ่งต่างๆที่ครูพี่เลี้ยงมอบหมายให้ เราก็สามารถฝึกฝนและนำไปใช้งานต่อในการเป็นครูในอนาคตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทำแผนการสอน การทำปก การทำโปสเตอร์ สุดท้ายนี้การเป็นครูที่ดีได้นั้น เราจะต้องรู้จักการปรับตัวในการทำงานร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่และดีที่สุด ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณเรื่องราวและประสบการณ์จากรุ่นพี่นะครับ และขอบคุณเจ้าของบทความที่ได้นำข้อมูลมาแบ่งปันกันนะครับ จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่ อาจจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กันนิสิตฝึกสอนหลายๆคน แต่ให้คิดเสมอว่า ครูพี่เลี้ยงทุกคนมีเจตนาที่ดี มีความหวังดี ที่อยากให้พวกเราได้มีประสบการณ์ในการทำงานสอน หรืองานอื่นๆ แต่คนเราทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน ครูพี่เลี่ยงแต่ละคนก็อาจจะมีนิสัยแตกต่างกัน มีวิธีการทำงานต่างกัน เมื่อเราได้ครูพี่เลี่ยงที่เข้มงวด อาจจะทำให้เราท้อบ้างบางครั้ง แต่ถ้าเราผ่านไปได้เราก็จะเป็นคนที่เข้มแข็งคนนึงเลย ให้คิดว่า ถ้าเราได้บทเรียนที่หนัก เราจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นครับ ทุกอย่างอยู่ที่มุมมองครับ

    ศุภวิชญ์ รหัสนิสิต 581031286

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณเรื่องราวประสบการณ์จากพี่ และเจ้าของบทความที่นำมาแบ่งปันกัน จากปัญหาที่พี่ได้เจอมานั้น เป็นปัญหาที่สามารถเกิดได้กับคนหลาย ๆ คน ซึ่งการเป็นครูในโรงเรียนนั้น ไม่ได้มีภารหน้าที่แค่การสอนหนังสือ แต่ยังมีจิปาถะมากมาย ซึ่งการที่ครูพี่เลี้ยงใช้งานต่าง ๆ กับเรา หากเราคิดแบบพี่เขาก็เป็นเรืองดี เราต้องคิดบบวก เปลี่ยนมุมมองในการมอง ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่พี่เจอได้ดีสามารถทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เป็นแง่ลบลดลงไปได้ ซึ่งการที่ครูพี่เลี้ยงใช้ให้เราทำหน้าที่ต่าง ๆ ครูพี่เลี้ยงต้องการที่จะสอนให้เราได้รูเว่าหน้าที่ของครูนั้นมีหลายหน้าที่ เราจะต้องรู้ และได้ฝึกปฏิบัติไว้เป็นประสบการณ์ ซึ่งหากเราไปเจอปัญหาแนว ๆ นี้เราต้องรู้จักที่จะมองในมุมต่าง ๆ เพื่อให้เห็นถึงข้อดีของมัน เพราะทุกอย่างนั้นล้วนมีข้อดีอยู่ในตัวเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมองที่ำคัญ หากวันใดที่เราเกิดท้อไม่อยากทำ ไม่ชองสถานการณ์นี้ลองเปลี่ยนมุมมองดู บางครั้งคุณอาจจะเจอความสุขจากมันก็ได้

    - วิทยา 581031285 -

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น